สสจ.ขอนแก่น เตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ระมัดระวังการจมน้ำ ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต และสัตว์มีพิษกัดต่อย
นายแพทย์ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ห่วงใยประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ระมัดระวังการจมน้ำ ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต และสัตว์มีพิษกัดต่อย สาเหตุการเสียชีวิตจากน้ำท่วมที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากการจมน้ำ เนื่องจากถูกน้ำพัด น้ำท่วมฉับพลัน และเดินลุยน้ำ แนะวิธีป้องกันจมน้ำ ให้ยึด 4 ห้ามและ 4 ให้ อาทิ ห้ามออกหาปลาช่วงน้ำไหลหลาก ห้ามขับรถฝ่าน้ำท่วม ห้ามปล่อยเด็กเล่นน้ำ ห้ามแตะสวิตช์ไฟ ปลั๊กไฟขณะตัวเปียกหรือยืนแช่น้ำอย่างเด็ดขาด เสี่ยงเกิดไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และให้ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐอย่างใกล้ชิด สิ่งที่น่าห่วงคือ การจมน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา จากสถานการณ์การจมน้ำในช่วงอุทกภัยเมื่อปลายปี 2564 จากกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมา พบการจมน้ำเสียชีวิตถึง 82 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไปมากที่สุด (ร้อยละ 34.1) รองลงมาคือ 45-59 ปี (ร้อยละ 29.3) เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ร้อยละ 14.6 อายุต่ำสุดคือ 2 ปี เป็นเพศชาย ร้อยละ 74 เพศหญิง ร้อยละ 26 กลุ่มผู้ใหญ่ สาเหตุหลักที่พบ คือ พลัดตก ลื่น เรือล่ม/พลัดตกเรือ ออกหาปลา ส่วนกลุ่มเด็ก สาเหตุหลักที่พบ คือ การเล่นน้ำในพื้นที่น้ำท่วม (เล่นกันเองเป็นกลุ่ม) รองลงมาคือ เดินลุยน้ำและถูกน้ำพัด และพลัดตก ลื่น โดยการดื่มแอลกอฮอล์มีส่วนเกี่ยวข้องถึง ร้อยละ 13.4 ทั้งนี้สาเหตุที่มีสุราเกี่ยวข้องและจมน้ำมากที่สุดคือ เรือล่ม/พลัดตกเรือ เล่นน้ำ จุดเกิดเหตุพบมากที่สุด คือ บ้าน/บริเวณรอบบ้าน รองลงมาคือในทุ่งนาที่มีน้ำท่วม ส่วนการเสียชีวิตที่พบรองลงมาคือ ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้า สาเหตุ เกิดจากเข้าไปตัดไฟในบ้าน น้ำท่วมขังบ้านพัก ขับรถไถ จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง
คำแนะนำเพื่อป้องกันการจมน้ำในช่วงน้ำท่วม ขอแนะนำให้ประชาชนยึดหลัก “4 ห้าม 4 ให้” โดย 4 ห้าม ได้แก่ 1.ห้ามหาปลาในช่วงน้ำไหลหลาก 2.ห้ามดื่มสุราแล้วลงเล่นน้ำ เนื่องจากจะเสี่ยงเกิดตะคริวได้สูง รวมทั้งหากเมาสุรา จะทำให้เสียการทรงตัว และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ 3.ห้ามเดินผ่านหรือขับรถฝ่ากระแสน้ำท่วม เพราะระดับน้ำเพียง 6 นิ้ว จะทำให้รถเสียหลักและล้มได้ และ 4.ห้ามเด็กเล็กลงเล่นน้ำ อาจพลัดตกหรือถูกน้ำพัดได้
สำหรับ 4 ให้ ได้แก่ 1.ให้อพยพไปยังพื้นที่สูง ให้รีบออกจากพื้นที่ในกรณีเกิดน้ำท่วม 2.ให้สวมเสื้อชูชีพ หรือนำอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ติดตัวไปด้วย เช่น ถังแกลลอนพลาสติกเปล่าปิดฝาและผูกเชือก 3.ให้เดินทางเป็นกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือกันเวลาฉุกเฉิน และ 4.ให้ติดตามข้อมูลข่าวสาร สภาพอากาศตามประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
นายแพทย์ภาคี กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต ในช่วงน้ำท่วมก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยขอแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติดังนี้ 1.สับคัทเอาท์เพื่อตัดกระแสไฟ 2.ย้ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และปลั๊กไฟขึ้นที่สูง 3.อย่าใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขณะร่างกายเปียกหรือยืนแช่น้ำอยู่ 4.หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำเข้าใกล้ปลั๊กไฟ สายไฟ เสาไฟ หากเกิดไฟฟ้ารั่วจะมีกระแสไฟกระจายเป็นวงกว้างไม่ต่ำกว่า 3 เมตร อาจทำให้ถูกไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ ยังได้แนะนำให้ประชาชนระมัดระวัง โรคที่มาในช่วงหน้าฝนที่มีน้ำท่วมขัง ได้แก่ การป้องกันสัตว์มีพิษกัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง ที่อาจหนีน้ำมาหลบซ่อนอาศัยอยู่ตามบ้านและมุมมืดต่างๆ คือ 1.สอดส่องและสังเกตมุมอับของบ้านเป็นประจำ 2.สำรวจเสื้อผ้าและรองเท้าก่อนสวมใส่ทุกครั้ง 3.หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรแต่งตัวให้มิดชิด และสวมรองเท้าบูททุกครั้ง น้ำกัดเท้าเป็นโรคที่มาพร้อมกับน้ำท่วม อาการของโรคน้ำกัดเท้าแยกได้เป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก: อักเสบระคายเคือง ผิวหนังจะแดงลอก มีอาการเท้าเปื่อย คันและแสบ ระยะนี้อาจยังไม่มีการติดเชื้อ ระยะที่สอง: ติดเชื้อแทรกซ้อน เนื่องจากผิวหนังที่ชื้นและเปื่อย เท้ามีกลิ่นเหม็น ซึ่งพบบ่อยคือเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา วิธีป้องกันน้ำกัดเท้า รักษาความสะอาด และลดความชื้นของเท้า และรองเท้าให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำสกปรก และรีบล้างเท้าหลังสัมผัสทันที ด้วยสบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว หลังจากล้างและเช็ดเท้าจนแห้งแล้ว ทาครีมให้ความชุ่มชื้นหรือยาขี้ผึ้งบริเวณผิวหนังที่ลอก เพื่อลดโอกาสที่น้ำจะซึมผ่านผิวหนังจนเกิดความชื้นและผิวเปื่อย ในกรณีที่มีเหงื่อออกมา เช่น บริเวณฝ่าเท้า อาจใช้แป้งโยหรือยาทาลดเหงื่อ เพื่อให้ช่วยดูดซับเหงื่อส่วนเกิน หากเกิดบาดแผล ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสของแผลกับน้ำที่ท่วมขัง
โรคฉี่หนู เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ติดจากสัตว์มาสู่คน โดยสามารถติดเชื้อโรคจากสัตว์ได้หลายชนิด ไม่ใช่เพียงแค่หนูเพียงอย่างเดียวยังมีทั้ง วัว ควาย แพะ หรือแกะ ซึ่งเป็นแหล่งของโรคมากที่สุด โดยเชื้อโรคมาจากปัสสาวะของหนูจึงเรียกโรคนี้ว่า “โรคฉี่หนู” ดังนั้นหากต้องเดินในน้ำท่วมขัง ควรสวมรองเท้าบูทยาวทุกครั้งเมื่อต้องลุยน้ำขัง หากไม่ได้ใส่ เมื่อลุยน้ำเสร็จ ต้องรีบล้างมือ ล้างเท้า ด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคโดยเร็ว
โรคตาแดง มักระบาดในหน้าฝน เพราะเมื่อฝนตก น้ำฝนจะไปชะล้างฝุ่นละอองที่อยู่ตามอาคาร หลังคา ตามรั้วต่างๆ และอาจกระเด็นมาสู่ตาเราได้ ซึ่งน้ำที่ท่วมขังก็อาจจะมีเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย เมื่อน้ำที่สกปรกนั้นกระเด็นเข้าตาเรา ก็จะเกิดการติดเชื้อไปอย่างรวดเร็ว อาการรุนแรงที่สุดจะมีอาการอักเสบ เคืองตาอย่างรุนแรง ตามัว หากมีปัญหากับดวงตาหรือมีอาการผิดปกติควรพบจักษุแพทย์
โรคอุจจาระร่วง เกิดจากการติดเชื้อแบคที่เรีย ไวรัส หรือพยาธิ โดยได้รับเชื้อผ่านกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อเหล่านี้เข้าไปโดยผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายอุจจาระเหลว 3 ครั้งขึ้นไป หรือถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายมีมูกเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง ใน 1 วัน นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลียส่วนการป้องกันโรคอุจจาระร่วง ขอให้ยึดหลัก "สุก ร้อน สะอาด" 1.สุก รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารดิบ หรือ สุกๆ ดิบๆ 2. ร้อน อาหารที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง 3. สะอาด เลือกบริโภคอาหาร น้ำดื่มและน้ำแข็งที่สะอาด มีเครื่องหมาย อย. ล้างมือด้วยน้ำสบู่และน้ำให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำหรือสัมผัสสิ่งสกปรก รวมถึงเลือกซื้อวัตฤดิบที่สด สะอาด และมีคุณภาพ ใช้ช้อนกลางตักอาหารเมื่อรับประทานอาหารร่วมกัน และไม่รับประทานอาหารที่ปรงจากสัตว์และพืชมีพิษ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND #Khonkaen2Day
Admin : ปิยพล จันทรา
ข้อมูลข่าวและที่มา : https://thainews.prd.go.th
ผู้สื่อข่าว : เพชรรัตน์ วังระหา
เรียบเรียงโดย : ธัญญารัตน์ ธีรหิรัญวัฒน์
แหล่งที่มา : สวท.ขอนแก่น